ความโดดเด่นอีกอย่างที่ทำให้ มานูก้า ฮันนี่ ได้รับยกย่องว่าเป็นสุดยอดน้ำผึ้งของโลก ก็เพราะ มานูก้า ฮันนี่ มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย รวมทั้งมีเอนไซม์ที่ผลิตไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ซึ่งเปรียบเสมือนยาฆ่าเชื้อโรค นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน และเกลือแร่ ที่มีคุณสมบัติในการบำรุงรักษาผิว มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องและชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว นอกจากนี้ในน้ำผึ้งยังมีสาร AAH650+ (Active Antibacterial Anti-Oxidant Honey 650+) คือสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งมีผลรายงานการวิจัยจากมหาวิทยาลินคอร์น ประเทศนิวซีแลนด์ โดย Dr.Geoffrey Savage (ดร.จอฟฟรีย์ ซาเวจ) ระบุว่า มานูก้า ฮันนี่มีสาร AAH650+ ที่มีอยู่ตามธรรมชาติของดอกมานูก้า มีคุณสมบัติของสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าน้ำผึ้งชนิดอื่นๆ และยังพบ ไบโอฟลาโวนอยด์ กรดฟีโลลิก และกรดแอบซิสิก อีกด้วย ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เรียกสารที่พบในน้ำผึ้งจากต้นพุ่มมานูก้าว่า ยูนีค มานูก้า แฟกเตอร์ (Unique Manuka Factor – UMF) ซึ่งจะพบได้ในน้ำผึ้งมานูก้าเท่านั้น”

แม้ว่าสรรพคุณของน้ำผึ้ง จะมีคุณสมบัติมากมายจนน่าอัศจรรย์ใจ แต่หลายๆ คนอาจเกิดปัญหาว่าจะนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร นักโภชนาการแนะนำว่า หากจะรับประทานได้ง่าย ควรนำมาผสมในอาหารหรือเครื่องดื่ม จะทำให้ได้คุณค่า และยังช่วยเพิ่มเรื่องรสชาติอีกด้วย อย่างในปัจจุบันมีอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เช่น รังนก ถ้านำมารับประทานร่วมกับมานูก้า ฮันนี่ จะถือเป็นการเติมเต็มสิ่งที่มีคุณค่าทั้ง 2 อย่างเข้าไว้ด้วยกัน เป็นสิ่งที่ธรรมชาติรังสรรค์ให้แก่มนุษย์

น้ำผึ้งมานูก้า
คุณเกศรากล่าวทิ้งท้ายว่า “รังนกผสมมานูก้า ฮันนี่ สามารถรับประทานได้ทุกคน ทุกเพศทุกวัย เพราะจะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ย่อยง่าย และร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารได้ง่าย นอกจากนี้ยังเหมาะกับคนที่ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอในแต่ละวัน สิ่งเหล่านี้จะสามารถช่วยเติมเต็มได้”